ในโลกดิจิทัลยุคใหม่ เว็บไซต์ได้กลายเป็นสื่อที่มีความสำคัญ มีบทบาทอย่างมากใน เรื่องของ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติที่สามารถนำเสนอ เผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารได้ อย่างไร้ขีดจำกัด เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นหน้าร้านหรือเส้นทางที่เชื่อมต่อลูกค้าเข้ามาที่บริษัท เพราะ ปัจจุบันมีผู้บริโภคอยู่ในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ก็แปลว่าโอกาสในการเสพสื่อดิจิตอลก็เยอะขึ้น หาก เทียบกับการตลาดดั้งเดิม เช่นการซื้อโฆษณาทีวี การซื้อพื้นที่ป้ายตามถนน การแจกใบปลิว การตลาดแบบดิจิตอลก็ถือว่าเป็นเทคนิคแบบใหม่ที่เพิ่งมีมาไม่กี่สิบปีในประเทศไทย การตลาดแบบนี้มีตัวเลือก ที่หลากหลาย สามารถให้ข้อมูลที่เจาะลึก ธุรกิจสามารถเริ่มทำการตลาดด้วยงบที่น้ อยในตอนแรก แล้วค่อยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามผลประกอบการในเวลาจริง แน่นอนว่าการตลาดดิจิตอลนั้น ประกอบไปด้วยช่องทางการตลาดออนไลน์หลากหลายชนิด แต่ละช่องทางก็จะมีกลุ่มลูกค้าไม่ เหมือนกัน ลูกค้าแต่ละกลุ่ม แต่ละช่องทางก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่าง นั่นก็แปลว่าการตลาดดิจิ ตอล สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจได้หลากหลายขนาด หลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกช่องทาง การตลาดให้เหมาะกับงบการตลาดและกลุ่มลูกค้าของเราได้หรือไม่ (เว็บไซต์ เดอะ โกรธ มาสเตอร์, 2563)
การตลาดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยเองก็เริ่มให้ความสำคัญกับ SEO มากขึ้นโดยเฉพาะ ในยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงแทบทุกอุตสาหกรรม ที่สำคัญก็คือการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน SEO นั้นไม่มี ค่าใช้จ่ายอะไรเลย การทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือ บล็อก และพร้อมที่จะลงทุน ระยะยาวเพื่อสร้างคอนเทนต์ต่าง ๆ จากผลการศึกษาในปี 2562 โดย Brightedge กว่า 53.3% ของ ยอดเข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมดมาจาก Search Engines เช่น Google Bing Baidu หรือ Naver อีกทั้ง SEO ยังสามารถขับเคลื่อนยอดได้มากกว่า Social Media ถึง +1,000% ที่สำคัญคือยอดเข้าชมนี้ สามารถได้มาฟรี ในระยะยาวนานหลายเดือนหรือหลายปี
ตัวเลขปริมาณจำนวนการค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณในแต่ละเดือนว่าคำนั้นมีจำนวนคนค้นหามากน้อยแค่ไหน ความสำคัญของ Keyword Search Volume จะช่วยให้เรา นำไปประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ Keyword เพื่อทำโฆษณาทั้งแบบ Search Engine Optimization (SEO) และ Search Engine Marketing (SEM) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้มีโอกาสติดอันดับ ต้น ๆ ใน Google Search ทั้งนี้ Search Volume มีความสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เกิด Traffic บนเว็บไซต์ ดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาสนใจจนสามารถเกิดการซื้อขายต่อไป บางเว็บไซต์ที่ประสบ ความสำเร็จมาก ๆ ในการทำ SEO สามารถสร้าง Organic Search ได้มากถึง 70% เลยทีเดียว เพียง แค่เลือกโฟกัส และศึกษา Keyword แต่ละตัวให้ดี เพราะหากเรามัวแต่เลือก Keyword ที่มีปริมาณ ค้นหาสูง ก็จะยากในการแข่งขันกับเว็บไซต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า
คอนเทนต์หรืองานเขียนถือเป็น “Body แกนหลักของการทำ SEO เพราะคอนเทนต์คือสิ่งที่ ผู้เสิร์ชมองหา และงานเขียนคือคำตอบที่เว็บไซต์จะมอบให้กับพวกเขา ในฟากของ Search Engine เอง ก็ทำงานโดยการมองหา (Crawl) เนื้อหาหรืองานเขียนจาก “Keyword” ที่มีคนเสิร์ชเข้ามา งานเขียนจึงมีส่วนสำคัญต่อการทำ SEO อย่างยิ่ง การทำคอนเทนต์ให้ติดอันดับดีๆ บนหน้าเสิร์ช ซึ่งถ้า คอนเทนต์ถูกหาเจอได้ง่าย ก็เหมือนเว็บไซต์ได้รับยอดผู้ชมเว็บไซต์ (Traffic) มาโดยที่เราไม่ต้องเสีย เงินโปรโมต (เว็บไซต์ คอนเทนต์ชิฝุ, 2563 )
ในปี 2563 มีผู้ใช้ Search Engine จาก Google มากถึง 2 แสนล้านครั้งต่อวัน หรือประมาณ 63,000 ครั้งต่อวินาที และมีแนวโน้มว่าสถิติการค้นหาจะสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น Google จึงมีระบบอัลกอ ริทึ่ม เพื่อจัดลำดับเว็บไซต์และแสดงผลการค้นหา เมื่อมีการสืบค้นข้อมูล อัลกอริทึ่มนี่จะมีการพัฒนา ระบบอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ค้นหาข้อมูลได้รับข้อมูลที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Google เพื่อสืบค้นข้อมูลโดยผ่านทางหน้าจอมือถือหรือจากคอมพิวเตอร์ ผู้อ่านก็สามารถรับข่าวสาร ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ โดยที่เว็บไซต์ลำดับต้นๆ จะเป็นบทความที่ระบบอัลกอริทึ่มได้จัดลำดับไว้ ให้ผู้อ่านว่า บทความนี้เป็นประโยชน์ น่าเชื่อถือ และมีผู้เชี่ยวชาญรับรองว่าบทความที่เขียนขึ้นเป็น ความจริง
ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์ทรูไอดีอินเทรนด์ ต้องการพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อหาบนเว็บไซต์ ให้มีการเข้าถึงเพิ่มขึ้น ความต้องการจัดทำเว็บไซต์ขึ้นเพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารรูปแบ บใหม่ เพื่อ ประโยชน์ในการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ไปสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่นการโฆษณาขายสินค้าและบริการใน รูปแบบต่าง ๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในเชิงธุรกิจ หรือการใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารของ องค์กร เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรให้เป็นที่รู้จักเพื่อหวังผลในการสร้างภาพลักษณ์ ขององค์กรให้เป็นที่ ยอมรับ ซึ่งเว็บไซต์นั้นเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เพื่อนำไปสู่การมีรายได้เข้าองค์กร
ดังนั้นผู้จัดทำโครงงานปริญญานิพนธ์จึงได้จัดทำโครงงานเรื่อง “การพัฒนากระบวนการผลิ เนื้อหาและทำ SEO เพื่อเพิ่มการเข้าถึงให้กับเว็บไซต์ TrueID In-Trend ” เพื่อพัฒนากระบวนการ ผลิตเนื้อหาบนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ทรูไอดีอินเทรนด์มียอดผู้เข้าถึงเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากการทำ SEO ทั้ง ยังผลิตเนื้อหาที่สร้างหารมีส่วนร่วมบนเพจ TrueID In-Trend
ส่วนที่ 1 เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อหาให้กับเว็บไซต์ TrueID In-Trend
ปรับโครงสร้างกระบวนการผลิตเนื้อหา การปรับโครงสร้างกระบวนการผลิตเนื้อหา เป็น การวางแผนปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมที่นักเขียนเริ่มเขียนบทความจากหัวข้อที่ตนเองถนัด และ สนใจ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าการคิดแบบนั้นจะผิด จะดีกว่าไหมหากว่าเราเริ่มจากการกำหนด และเข้าใจ กลุ่มเป้าหมายก่อนว่าเป็นใคร เพื่อจะได้เขียนในสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายเราอยากรู้ ในส่วนของการกำหนดประเด็นที่ต้องการจะเขียนนั้น จะเขียนตามเรื่องที่เราสนใจก็ได้ แต่จะต้องคำนึงว่าเทรนด์หรือ กระแสอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราใจที่จะเขียน
ดังนั้น การสร้างเนื้อหาในรูปแบบบทความเพื่อให้เว็บไซต์มีการเคลื่อนไหว และพัฒนา กระบวนการผลิตเนื้อหาที่อยู่ในเว็บไซต์มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิมการผลิตเนื้อหาของ นักเขียนโดยปกติจะเริ่มเขียนบทความที่มาจากความสนใจของนักเขียนเองโดยไม่คำนึงถึงประเด็นที่ ผู้อ่านสนใจทำให้ส่วนใหญ่ยอดที่ได้นั้นน้อยมากเป็นสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ไม่มีความเคลื่อนไหวและ ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ยังมีไม่มากเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าเนื้อหาที่ครีเอเตอร์เขียนนั้นจะมีคุณภาพดีเพียงใด แต่เมื่อผู้จัดทำโครงงานปริญญานิพนธ์ได้เข้ามาพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อหา
จากจุดนี้ผู้จัดทำได้โครงสร้างกระบวนการผลิตเนื้อหา สำหรับเนื้อหาบทความในรูปแบบใหม่ ได้กำหนดกระบวนการผลิตออกเป็น 6 ส่วนคือ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษาเทรน/กระแส กำหนด หัวข้อเรื่อง หาข้อมูล วางโครงเรื่อง เขียนเนื้อ และสรุปเรื่องราว ดังนี้
ขั้นตอนสำรวจกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป ที่เป็นข้อมูลในเชิงประชากรศาสตร์ใช้ในการจำแนกกลุ่มเป้าหมาย คือ ในเรื่องของ อายุ และเพศ เริ่มจากการสำรวจกลุ่มเพศชายและเพศหญิงอายุ 18-35 ปี เริ่มจากการเข้า เว็บไซต์ facebook, audience insights และเข้าไปกดเลือกประเทศให้เป็นประเทศไทยตามด้วยการ กำหนดช่วงอายุเป็น 18-35 ปี เลือกเพศชายและเพศหญิงกดให้ความสนใจเป็นเรื่องของ “อาหารและ เครื่องดื่ม”และ “ท่องเที่ยว” ปิดท้ายด้วยการกำหนดของการศึกษาเป็นกลุ่มโรงเรียนมัธยมและ มหาวิทยาลัย
ส่วนที่ 2 ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมความชอบ เมื่อเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายแล้วให้เข้าไปดู หมวดหมู่ยอดนิยมที่กลุ่มเป้าหมายที่สนใจเกี่ยวกับ“อาหารและเครื่องดื่ม”และ “ท่องเที่ยว” เหล่านี้ เข้าไปค้นหาเพื่อดูว่าคอนเทนต์ที่พวกเขาให้ความสนใจเป็นอะไรบ้างและผลลัพธ์ที่ได้มาส่วนใหญ่จะมุ่ง ไปที่เรื่องหางานเป็นอันดับหนึ่งและบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นอันดับสองหลังจากนั้นจะเป็น แหล่งสถานที่กิน และเพจรีวิวหนัง
กำหนดหัวข้อบทความตามเทรนด์
ในการหาเทรนด์นั้น จะเป็นการหาความนิยมในเวลานั้นหากพบว่าอาหาร ที่กำลังเป็นกระแส ถ้าเราใช้ประโยชน์จากตรงจุดนี้ก็จะ พบว่าข้อดีก็คือเราสามารถนำคำเหล่านี้ไปสร้าง Content ที่ เน้นความไว เช่น Social Media ต่างๆ พร้อมติด Hashtag เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาดูหรืออ่าน Content ของเรานั่นเอง ซึ่งสามารถหาเทรนด์ได้จากช่องทาง 2 ช่องทางดังนี้
ช่องทางที่ 1 Google Trend เป็นเครื่องมือการตลาดแบบฟรีที่ช่วยในการตัดสินใจทำคอน เทนต์ต่างๆที่คนค้นหาหรือกำลังเป็นกระแสนิยม หรือเทรนด์ ซึ่งหากจัดระดับความสำคัญของนักการ ตลาดสายทำคอนเทนต์ถือว่าสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องการหาไอเดียการเขียน Google Trends อีกหนึ่งความสามารถที่น่าสนใจก็คือ Hot Trend ไว้ใช้สำหรับดูผลการค้นหายอดฮิต ณ วินาทีนั้น ๆ ซึ่งเราสามารถดูผ่านหน้าเว็บ ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับคนที่ยังไม่มีไอเดีย จริงๆ และการทำงานเกี่ยวกับ Realtime Content ที่มาไวไปไว
ช่องทางที่ 2 Wisesight เป็นผู้ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ที่นำข้อมูลบน โซเชียล มาวิเคราะห์ สังเคราะห์และปลดล็อคศักยภาพของข้อมูลดิบจนกลายเป็นข้อมูลที่มีคุณค่า โดย ข้อมูลโซเชียลที่ Wisesight ดึงมาวิเคราะห์นั้นมาจากทุกแหล่งที่สำคัญๆ ได้แก่ Facebook,Twitter,Instagram, YouTube, Pantip และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ
การทำ Keyword Research
เป็นการหาหัวข้อที่มีคุณค่าเพราะเป็นเรื่องที่มีคนสนใจ เนื่องจากเราไม่สามารถผลิตเนื้อหาได้ ถูกทางหากไม่รู้ว่าลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของเรา ค้นหาหรืออยากรู้เรื่องอะไร แล้วเราจะเริ่มต้นจาก อะไรดี อย่างแรก เริ่มจากใช้สัญชาตญาณหรือนิสัยการค้นหาของเราเอง เป็นการเช็ค Keyword Idea ว่ามี Keyword ไหนให้เราทำบ้างและ Keyword เพื่อเป็นการนำไปตั้งเป็นประเด็น หรือเรื่องที่ ต้องการเขียนต่อไปซึ่งมี 4 เครื่องมือที่สามารถใช้ได้คือ Google Trend, Google autocomplete,Keywordtool.io และ Ubersuggest
ข้อสรุปสำหรับการผลิตเนื้อหาในรูปแบบบทความที่ความรู้เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่เป็นข้ อมูล ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของผู้อ่านทุกคนดังนั้นการทำให้บทความในรูปแบบนี้มีผู้เข้ามาอ่านเพิ่มมาก ขึ้นจะต้องมีการเล่าเรื่องที่ใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการและเข้าใจง่ายทำให้เรื่องราวนั้นมีความสนุกสนาน และเป็นเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้อ่านซึ่งจะทำให้บทความในรูปแบบการให้ความรู้มีคนเข้ามาอ่านมากยิ่งขึ้นดังนั้นเมื่อเริ่มต้นด้วยเรื่องที่ตรงกับความต้องการของผู้อ่านแล้วโอกาสที่จะเข้าถึง คอนเทนต์ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ส่วนที่ 2 เพื่อผลิตเนื้อหาในการสร้างการมีส่วนร่วมบนเพจใหักับ TrueID In-Trend
จากเดิมทางเพจเฟซบุ๊ก TrueID In-Trend จะนำเสนอเนื้อหาส่วนใหญ่ในเพจเป็นพียงการ แชร์บทความจากช่องทางเว็บไซต์ โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้เหมาะสมกับ แพลตฟอร์ม ยอดการมีส่วนร่วมก็มีจำนวนที่น้อยมาก เมื่อปรับแก้ผู้จัดทำได้ทดลองรูปแบบการ นำเสนอให้มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะการทำ กราฟิก อัลบั้มกราฟิก GIF ทำให้ตัวเพจมีความ น่าสนใจดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาดูเพิ่มขึ้น
จากการทดลองสร้างเนื้อหาในรูปแบบบทความแต่ละประเภทเพื่อสร้างความเคลื่อนไหว ให้กับทางเว็บไซต์และเป็นแนวทางเพื่อกำหนดทิศทางให้กับนักเขียนที่ต้องการเข้ามาสร้างเรื่องราว ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาซึ่งจากการวัดผลทำให้เห็นว่าการสร้างเนื้อหาในรูปแบบบทความทั้ง 3 รูปแบบสามารถเป็นตัวกำหนดทิศทางให้กับนักเขียนได้ แต่ยังไม่สามารถเพิ่มในส่วนของจำนวนของผู้ ที่เข้ามาเขียนได้เพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อผู้ศึกษาได้มีการศึกษาแนวทางในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อสร้าง การมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มมากขึ้น
รูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ที่ลงเพจ TrueID In Trend คือ เป็นการเล่าคอนเทนต์ เดียวกันคำบรรยายเดียวกัน แต่นำมาโพสต์ลงในทุกแพลตฟอร์มของช่องทางต่างๆ ตรงจุดนี้เองทำให้ ความน่าสนใจของตัวคอนเทนต์น้อยลงไม่ค่อยน่าดึงดูดเพราะเป็นเหมือนการนำคอนเทนต์ที่มีรูปแบบ เดียวกันมาวางแปะไว้เฉย ๆ
ประเภทที่ 1 ให้ความรู้ คือ เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการให้ความรู้เน้นรูปภาพ ซึ่งกระตุ้นให้ ผู้รับสารเสพสื่อได้ดี เพราะมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า สมองของมนุษย์สามารถประมวลผลและจดจำ รูปภาพได้เร็วกว่าข้อความถึง 60,000 เท่า อีกทั้งพวกลวดลายและสีสันต่าง ๆ ก็ดึงดูดความสนใจให้ หยุดอ่านได้ดี และนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ เลือกนำเสนอในรูปแบบ อัลบั้มกราฟิก และคอนเทนต์ รูปแบบนี้นั้น ค่อนข้างส่งต่อหรือแชร์ได้ง่ายกว่าคอนเทนต์รูปแบบอื่น ๆ
พบว่า การทดลองทำอัลบั้มกราฟิก เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้อยากเข้ามามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์ม เพจ TrueID In-Trend และการให้ความรู้กับนักเขียนที่เป็นภาพกราฟิก พบว่า การพัฒนารูปแบบ การให้ความรู้นักเขียนทำให้แฟนเพจมีเนื้อหารูปแบบของบทความที่น่าสนใจมากขึ้น และเดิมทีแฟน เพจ TrueID In-Trend โปรโมทบทความโดยการแชร์ลิงค์เพียงเท่านั้น การที่ผลิตเนื้อหาในรูปแบบที่หลากหลายยิ่งขึ้น แต่เมื่อมีรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้นทำให้ การเข้าถึง 1925 ครั้ง ต่อโพสต์ จำนวนการคลิกโพสต์ 491 จำนวนการคลิกโพสต์ความรู้สึก 28 ครั้งต่อโพสต์ ความคิดเห็น 6 และแชร์ 12 ครั้งต่อโพสต์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนผู้เข้าถึงเพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม ก็ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ประเภทที่ 2 ทันเหตุการณ์ (REAL TIME CONTENT) คือ ทำคอนเทนต์ออกมาให้เกี่ยวข้อง กับกระแส ณ ขณะนั้น ทำให้แบรนด์เราดู Active ด้วย ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถใช้ไอเดียสร้างสรรค์ และความสนุกออกมาให้สัมพันธ์กับเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ เพื่อให้คอนเทนต์ปัง และได้รับความสนใจจาก กลุ่มเป้าหมาย โดยสิ่งที่สำคัญในการสร้าง Real Time Content คือ ความเร็ว และ จังหวะที่ เหมาะสม เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ หันหน้ามาทำคอน เทนต์ประเภทนี้จำนวนมาก
พบว่า การทดลองทำเป็น GIF ภาพเคลื่อนไหวสั้น ๆ ประเภท REAL TIME CONTENT เพื่อ ดึงดูดให้ผู้ใช้อยากเข้ามามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มเพจ TrueID In-Trend และการให้ความรู้กับ นักเขียนที่เป็นภาพกราฟิก พบว่า การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้นักเขียนทำให้แฟนเพจมีเนื้อหา รูปแบบของบทความที่น่าสนใจมากขึ้น การเข้าถึง 2,338 ครั้งต่อโพสต์ ครั้ง จำนวนการคลิกโพสต์ ความรู้สึก 17 ครั้งต่อโพสต์ ความคิดเห็น 13 ครั้ง และแชร์ 16 ครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนผู้เข้าถึง เพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ประเภทที่ 3 ถามตอบ แสดงความคิดเห็น (QUESTION & OPINION) การตั้งคำถามเพื่อ ระดมความคิดเห็น ผู้จัดทำโครงงานวิทยานิพนธ์ ได้เลือกใช้คำถามที่เชิญชวนให้แฟนเพจเข้ามาตอบ กัน จะมีทั้งการสอบถามการแก้ปัญหา หรือถามความคิดเห็นของแฟนเพจ โดยจะเน้นเป็นคำถาม ปลายเปิดเพื่อให้แฟนเพจสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยใช้คำถาม หรือให้ ผู้ติดตามได้แสดงความคิดเห็นออกมาในคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเรา อาจจะทำออกมาให้ตัวอักษรอยู่บน รูปภาพ หรือ จะใส่ในแคปชัน ก็ได้ ตัวอย่างคำถาม เช่น หนาวนี้กอดใคร? เป็นต้น เพื่อดึงดูดให้ ผู้ติดตามเพจที่ผ่านมาเห็น หรือเคยได้รับประสบการณ์แบบเดียวกัน รู้สึกอยากจะเล่าเรื่องราวของตนเอง
พบว่า การทดลองทำกราฟิกประเภท ถามตอบ แสดงความคิดเห็น เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้อยากเข้า มามีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มเพจ TrueID In-Trend และการให้ความรู้กับนักเขียนที่เป็นภาพกราฟิก พบว่า การพัฒนารูปแบบการให้ความรู้นักเขียนทำให้แฟนเพจมีเนื้อหารูปแบบของบทความที่น่าสนใจ มากขึ้น การเข้าถึง 3,538 ครั้งต่อโพสต์ จำนวนการคลิกโพสต์ 160 ครั้ง จำนวนการคลิกโพสต์ความรู้สึก 184 ครั้งต่อโพสต์ ความคิดเห็น 35 ครั้ง และแชร์ 14 ครั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีจำนวนผู้เข้าถึง เพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ส่วนที่ 3 เพื่อเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ TrueID In-Trend
หลังจากเริ่มนำตัวโมเดลมาใช้ในการกำหนดเนื้อหาพบว่าตัวเนื้อหามีความหลากหลายและ รูปแบบเฉพาะของเรื่องราวที่ใช้ลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นโดยมีการกำหนดหัวข้อจาก ผลิตภัณฑ์ที่มีภายในองค์กรแยกย่อยออกมาเป็นหัวข้อใหญ่เพื่อผลิตเป็นคอนเทนต์ซึ่งเป็นกาจัด ระเบียบให้กับตัวเนื้อหาที่จะเล่าเรื่องได้เพิ่มมากขึ้นและทำให้เห็นภาพชัดเจนในการทำคอนเทนต์ดังนี้
ลำดับที่ 1 เว็บไซต์ TrueID In Trend เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มาจากนักเขียน และจะไม่คำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะสื่อสาร ผู้จัดทำจึงได้พัฒนากรระบวนการผลิต เนื้อหาในส่วนนี้เริ่มจากกำหนดกลุ่มเป้าหมายนั้นรู้ว่าเนื้อหาใดที่ดึงดูดลูกค้าและผู้อ่านของ คุณ ทั้งยังง่ายต่อการกำหนดเรื่องที่ต้องเขียนให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย ทั้งยังนำ หลักการทำ SEO เข้ามาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Keyword Research
ลำดับที่ 2 Social Media ซึ่งช่องทางที่เลือกก็คือ Facebook ผู้จัดทำได้กำาหนด เนื้อหาที่ทำลงในส่วนนี้เป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ด้วยกันคือ ALBUM CONTENT, REAL TIME CONTENT และ QUESTION & OPINION CONTENT ซึ่งจะนำข้อมูลจากบทความของ นักเขียน มาขยายเพิ่มเติมเป็นเกร็ดความรู้ พร้อมกับสร้างเนื้อหาที่เปิดโอกาสให้ผู้อ่าน หรือ นักเขียนได้เข้ามา ตอบคำถามแสดงความคิดเห็น จากเดิมในเพจ Facebook คอนเทนต์ที่ เผยแพร่จะเป็นการแชร์ลิงค์บทความ จะไม่มีการปรับรูปแบบการทำเป็นคอนเทนต์เป็นหลัก ไม่ได้มีการทำคอนเทนต์เชิงเล่าเรื่องหรือให้เกร็ดความรู้กับกลุ่มเป้าหมายในเพจ ช่องทางกระจายคอนเทนต์บนเว็บของเราไปให้คนรู้จักเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ Social media ยังเป็น สัญญาณ ให้ Google เข้ามาถึงข้อมูลบนเว็บของเราได้เร็วขึ้น ดังนั้นการแชร์บทความไปยัง Social media ต่าง ๆ จะเป็นตัวช่วยเพิ่ม Traffic เข้าสู่เว็บของเรานั้นเอง
ข้อสรุปของการศึกษาเทรนด์และดู Keyword ที่มีจำนวนการค้นหาสูงที่สุดนำมาเลือกหัวข้อ ในการเขียนบทความ เพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้มากขึ้นและมีความต่อเนื่องโดยจะต้องมีการ ค้นหาความนิยมในช่วงเวลานั้นแต่ละวันศึกษาว่าคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับเรื่องราวที่มีผู้คนค้นหาเยอะ ซึ่งจากการทดลองบทความที่มีการทำ Keyword Research ที่เป็นการวิเคราะห์ Keyword เพื่อเป็นนำไปใส่ในบทความ และหากเราเลือกคำ Keyword ได้แม่นยำ โอกาสที่ผู้คนจะค้นหาเว็บเรา เจอก็มีเพิ่มตามไปด้วย เป็นธรรมดา เมื่อมีคนเข้าเว็บไซต์เราเพิ่มขึ้น พบว่า บทความที่เขียนโดยวิธีปกติทั่วไปมีผู้เข้าถึงบทความทั้งหมด 39 คน เข้าถึงผ่าน Facebook 29 คน เข้าถึงผ่าน Twitter 10 คน และgoogle 0 คน หากเปรียบเทียบกับการที่นำหลักการทำ SEO เข้ามาปรับใช้ยอดผู้เข้าถึงบทความเพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัดมีผู้เข้าถึงบทความทั้งหมด 529 คน เข้าถึงผ่าน Facebook 480 คน เข้าถึงผ่าน Twitter 5 คน และgoogle 44 คน
เอกสารอ้างอิง
เว็บไซต์คอนเทนต์ชิฝุ. (2563). การเขียน SEO หรือ SEO Writing คืออะไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564. จากhttps://contentshifu.com/pillar/seo-writing-techniques.
เว็บไซต์วันเทาซันคอนเทนต์. (2558). เทคนิคการเขียนบทความให้น่าสนใจ. สืบค้นเมื่อวันที่19 ธันวาคม 2563. จาก https://www.1000content.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%.
เว็บไซต์สเตปเทรนนิ่ง. (2560). 5 ขั้นตอนกระบวนการคิด Content ให้ปังบนโลกออนไลน์. สืบค้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2563. จาก https://stepstraining.co/content/5-steps-create- content.
เว็บไซต์สเต็ปอะคาเดมี. (2560). 7 ประเภทของ CONTENT MARKETING ที่ช่วยดึง ENGAGE MENT บน FACEBOOK. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2563. จากhttps://stepstrain ing.co/social/content-marketing-boost-facebook-engagement.
เว็บไซต์สเต็ปอะคาเดมี. (2563). Customer Personas ทำความรู้จักตัวตนของลูกค้าคุณ. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564. จาก https://stepstraining.co/strategy/5-factors- engagement-marketing-helpcustomer-relationship-and-sales.
เว็บไซต์อริโอมาร์เก็ตติ้ง. (2562). 10 ประโยชน์ของการทำ SEO. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564.จาก https://ariomarketing.co.th/to-do-seo/.